วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 39 : วัยเยาว์อันสิ้นสูญ Lord of the Flies



หนังสือเล่มที่ 39 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ชื่อว่า “วัยเยาว์อันสิ้นสูญ หรือ  Lord of the Flies “  เป็นนิยายเขียนโดย “วิลเลียม โกลดิ้ง” และแปลโดย “ต้องตา สุธรรมรังษี“   หนังสือเล่มนี้ บอกเล่าเรื่องราว ที่เด็กๆ ต้องไปติดเกาะอยู่ด้วยกัน แล้วด้านมืดต่างๆ ของชีวิตก็ได้สำแดงออกมาเพราะสถานการณ์ที่บังคับ  ที่น่าสนใจสำหรับผมคือ หนังสือเล่มนี้ อ่านสนุก คนแปลก็แปลได้ดีมาก  และที่สำคัญมันสะท้อนให้เห็นถึงสังคมในปัจจุบันนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ทำงาน สังคมประเทศชาติ การขัดแย้งทางความคิด การหาทางออกเพื่อเอาตัวเองให้รอดและมีอำนาจเหนือผู้อื่น  โดยไม่คำนึงว่าวิถีทางนั้นจะโหดร้ายสักเพียงใดก็ตาม
หนังสือเล่มนี้หนาพอสมควร แต่ผมกลับอ่านรวดเดียวจบเล่ม เพราะเนื้อหาน่าตื่นเต้นชวนติดตามตลอด ยังแอบนึกเสียดายว่า นักอ่านในบ้านเรา ยังอ่านหนังสือแนวนี้น้อยไปหน่อย ทำให้ร้านหนังสือต่างๆ ไม่ค่อยนำหนังสือแนวนี้มาขาย (ผมได้หนังสือนี้มาจากร้าน “หนังสือเดินทาง” ที่ บางลำพู กทม)  แต่ยืนยันนั่งยัน ว่า “วัยเยาว์อันสิ้นสูญ” เป็นหนังสือที่ดีมากๆ อีกเล่มหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสอ่านส่งท้ายปี 2558 นี้


(หนังสือหนา 318 หน้า   ราคาปก 247 บาท  พิมพ์ครั้งแรก 2552 โดย ไลต์เฮาส์พับลิชชิ่ง) 

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 38 : ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย



หนังสือเล่มที่ 38 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ ชื่อว่า The Five Secrets You Must Discoverหรือ “ความลับ 5 ข้อ ที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย”  เขียนโดย "ดร.จอห์น  ไอโซ"    แปลโดย "อรวรรณ  อบรมย์"

หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ จำนวน 235 คน ถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา  สิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำ  รวมถึงสิ่งที่แต่ละคนอยากบอกใน 1 ประโยค  จากนั้นผู้เขียนก็ได้ทำการสรุปประสบการณ์ของผู้สูงวัยเหล่านั้น ออกมาได้ 5 ข้อ ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่สุดที่ผู้อาวุโสวัยไม้ใกล้ฝั่งเหล่านั้นบอกออกมาตรงกันหมดทุกคน

ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือ  การเปิดเผยความลับพร้อมคำอธิบายแต่ละข้อโดยละเอียด พร้อมบทสัมภาษณ์ของผู้อาวุโสแต่ละท่านในหลากหลายอาชีพ ที่ได้รับการคัดสรรมาแล้ว  ทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตขึ้นมาก  ยิ่งถ้านำความลับทั้ง 5 ข้อ ในหนังสือเล่มนี้ไปปฏิบัติด้วยแล้ว  ชีวิตที่เหลืออยู่ของเราแต่ละคนในแต่ละวันคงจะมีความสุขมาก  ส่วนความลับ 5 ข้อนั้น มีอะไรบ้างนั้นให้ไปตามอ่านกันเองในหนังสือนะครับ  ถือเป็นหนังสือที่ดีมากๆ ที่อยากแนะนำให้อ่านครับ


(หนังสือหนา 186  หน้า ราคาปก 180 บาท สำนักพิมพ์ โอ้มายก้อด  กุมภาพันธ์ 2552)

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 37 : เสียงพูดสุดท้าย ‘รงค์ วงษ์สวรรค์



หนังสือเล่มที่ 37 ที่ผมอ่านจบในปีนี้  ชื่อว่า “เสียงพูดสุดท้าย  รงค์ วงษ์สวรรค์ “  ซึ่งเป็นหนังสือที่สัมภาษณ์นักเขียนชื่อดังของเมืองไทย อย่าง รงค์ วงษ์สวรรค์ ขณะที่เขากำลังป่วย และอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต     หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเสียงพูดสุดท้ายของ รงค์ วงษ์สวรรค์ โดยได้“วรพจน์  พันธุ์พงศ์”   เป็นผู้สัมภาษณ์และเรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือ

หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับชีวิตของนักเขียนท่านนี้ไว้ในหลายๆ ด้าน โดยทุกเรื่องถูกเล่าออกมาจากปากของท่านเอง   ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องเพื่อน  เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการเมือง เรื่องอาหารการกิน เรื่องการทำงาน และเรื่องเกี่ยวกับชีวิต   เป็นหนังสือที่อ่านสนุกและได้ความรู้เกี่ยวกับชีวิต รวมทั้งประวัติศาสตร์ในยุคสมัยที่ท่านยังเป็นหนุ่ม  "รงค์ วงษ์สวรรค์"  เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาหลากหลายรูปแบบ  ทำให้เนื้อหาของบทสัมภาษณ์มีสีสัน น่าสนใจ และชวนให้ติดตาม

สำหรับผม หนังสือเล่มนี้ถือเป็น หนังสือที่ทรงคุณค่ามากอีกเล่มหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสอ่านในปีนี้  แม้ว่าปัจจุบันนี้  "รงค์ วงษ์สวรรค์" จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ผมมั่นใจว่า งานเขียนและแนวคิดของเขายังคงอยู่ในใจของบรรดานักอ่านตลอดไป


(หนังสือหนา 217 หน้า ราคาปก 200 บาท  สำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น  พิมพ์ครั้งที่ 2  กรกฎาคม 2552)

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 36 : มีของดีต้องให้คนอื่น ขโมย | Show your work




หนังสือเล่มที่ 36 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ ชื่อว่า “มีของดีต้องให้คนอื่นขโมย หรือ Show your  work “เขียนโดย Austin Kleon   แปลโดย  “อรณี อรุณีกุล และ ทสมา วรรธนะภูติ”   เป็นหนังสือเกี่ยวกับการสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ ด้วยการแสดงผลงานของตัวเองให้โลกได้รับรู้ผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์และอินเตอร์เน็ต

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 35 : ศพใต้เตียง

หนังสือเล่มที่ 35 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ ชื่อว่า “ศพใต้เตียง”  เขียนโดย “สรจักร ศิริบริรักษ์”    ซึ่งถือว่าเป็น เจ้าพ่อเรื่องสั้นหักมุม แนวฆาตกรรม เลยทีเดียว หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สร้างชื่อเสียงให้กับ “สรจักร” เป็นอย่างมาก เล่มที่ผมได้อ่านนี้ ตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 27 แล้ว ซึ่งคนรับประกันได้ถึงความเข้มข้นและสนุกสนานของหนังสือเล่มนี้

ในหนังสือ “ศพใต้เตียง” รวมเรื่องสั้นไว้ถึง 19 เรื่อง มีทั้งแนวลึกลับและแนวสยองขวัญ แต่ทุกเรื่องจบแบบหักมุม ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบมาก จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ ผู้เขียนมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับยา และเรื่องทางการแพทย์เป็นอย่างดี เพราะทำงานเกี่ยวกับด้านเภสัชกรรมมาก่อน ดังนั้นทำให้การเขียนบรรยายฉากต่างๆ ในหนังสือ ดูสมจริงมาก


สรุปเป็นหนังสือ รวมเรื่องสั้นหักมุม ที่เป็นอมตะอีกเล่มหนึ่ง ผมเชื่อว่าหลายท่านคงเคยอ่านแล้ว แต่หากท่านใดยังไม่เคยอ่านมาก่อน ผมขอแนะนำเลยถ้าท่านชอบเรื่องสั้นแนวหักมุม ห้ามพลาดเล่มนี้ รวมทั้งผลงานอีกหลายๆ เล่มของนักเขียนท่านนี้  (ปัจจุบันท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว)


(หนังสือหนา 208 หน้า ราคาปก  145 บาท พิมพ์ครั้งที่ 27 เมษายน 2553 สำนักพิมพ์มติชน)



วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 34: ชีวิตผมรอดได้ด้วยสตาร์บัคส์



หนังสือเล่มที่ 34 ที่ผมอ่านจบในปีนี้   ชื่อ How Starbucks Saved My Life : ชีวิตผมรอดได้ด้วยสตาร์บัคส์”   เขียนโดยMichael Gates Gill แปลโดย  “สมลักษณ์ สว่างโรจน์”   ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนได้เล่าถึงชีวิตของตัวเองที่ต้องกลายมาเป็นคนตกงานตอนอายุ 50 ปลายๆ  แถมยังมีโรครุมเร้าและภาวะการเงินที่เรียกได้ว่า ถังแตก   ท้ายสุดเขาได้เข้าทำงานที่ร้านกาแฟสตาร์บั๊คแห่งหนึ่ง โดยผู้ร่วมงานของเขาล้วนแต่เป็นคนหนุ่มสาวผิวสี ขณะที่เขาเป็นชายแก่ผิวขาวเพียงคนเดียวในร้านนั้น  โดยงานหลักของเขาในช่วงแรกคือ ถูพื้น และขัดห้องน้ำ

ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือ แนวคิดและวัฒนธรรมในการทำงานของร้านสตาร์บั๊คที่ให้เกียรติและให้ความเคารพกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากการทำงานใน บริษัทขนาดยักษ์ที่เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง

หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วได้ข้อคิดหลายอย่างโดยเฉพาะผู้ที่ประกอบธุรกิจ หรือ ทำงานด้านการบริการ ผมมั่นใจว่าจะสามารถนำหลายๆ สิ่งที่ผู้เขียนได้เล่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ไปประยุกต์ ใช้ในธุรกิจของตนเองได้ ส่วนสาวกหรือแฟนคลับของร้านกาแฟสตาร์บั๊คส์ อ่านจบก็คงจะอิ่มเอมปลื้มปริ่ม กับเบื้องหลังอันละเมียดละไมและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของร้านกาแฟนี้อย่างแน่นอน


(หนังสือหนา 285 หน้า  ราคาปก 230 บาท  พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ.2557  สำนักพิมพ์แสงดาว)


วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนังสือ เล่มที่ 33 : ทางเลือกมีมากกว่าหนึ่ง


หนังสือเล่มที่ 33 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ ชื่อว่า “ทางเลือกมีมากกว่าหนึ่ง” เขียนโดย  “ศิเรมอร อุณหธูป” ซึ่งผู้เขียนได้เล่าประสบการณ์ของตัวเองที่ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยด้วยอาการภูมิแพ้อย่างหนัก จนถึงขั้นต้องลาออกจากงาน เพื่อมาพักรักษาตัวอยู่กับบ้าน  จนในที่สุดได้ค้นพบหลายๆ วิธี ในการดูแลตัวเองจนสามารถกลับมาแข็งแรงได้มากกว่าเดิม

หนังสือเล่มนี้มีน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่รักและห่วงใยในสุขภาพ  ภาษาที่ใช้นั้น อ่านง่าย ตรงไปตรงมา เล่าได้เข้าใจ และเห็นภาพชัดเจน เนื่องจากเป็นประสบการณ์ตรงของนักเขียนเอง  

(หนังสือ หนา 142 หน้า   พิมพ์ครั้งที่ 6 สำนักพิมพ์ มติชน  กันยายน 2553  ราคาปก 120  บาท)





อาจารย์บอม

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 32 : เธอ เขา เรา และร้านหนังสือ



หนังสือเล่มที่  32 ที่ผมอ่านจบในปีนี้  ชื่อ “เธอ เขา เรา และร้านหนังสือ”  โดย  “สุพัตรา”  เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ที่บอกเล่าความประทับใจของเธอ เกี่ยวกับร้านหนังสือต่างๆ ที่เธอได้ไปเยือนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเสน่ห์และความน่ารักของร้านหนังสือแต่ละร้าน  นอกจากนั้นเธอยังได้สะท้อนอีกมุมของการดิ้นรนเพื่อให้ร้านหนังสืออยู่รอดได้ในกระแสที่คนอ่านหนังสือน้อยลงอย่างปัจจุบันนี้ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่น่าสนใจ และคนรักหนังสือไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง



(หนังสือหนา 132 หน้า ราคาปก 159 บาท  พิมพ์ครั้งแรก โดยแพรวสำนักพิมพ์  เมษายน 2556 )


วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนังสือ เล่มที่ 31 : คิดเป็นเห็นทางรวย


หนังสือเล่มที่ 31 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ ชื่อ “คิดเป็นเห็นทางรวย” โดย "โรเจอร์ แฮมิลตัน" ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่งคั่งให้กับผู้บริหารและ CEO  ทั่วเอเชีย แปลโดย "กฤต พิทักษ์นราธรรมและสุพิชชา  สัจจะมโนชัย"

หนังสือเล่มนี้บอกถึงวิธีคิดและวิธีการในการนำคนเราไปสู่ความมั่งคั่งที่แท้จริง ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องเงินหรือทรัพย์สิน แต่ยังรวมถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นอิสระ ผู้เขียนใช้วิธีการบอกเล่าแต่ละเคล็ดลับผ่านตัวละครที่เป็นเด็กอายุเก้าขวบซึ่งครอบครัวยากจนและทำงานหนักมาเกือบตลอดชีวิต  โดยเด็กคนนี้ได้ไปหาผู้ร่ำวยแต่ละคนและได้เคล็ดลับแต่ละข้อในการสร้างความมั่งคั่งจากแต่ละคนมา  ถือเป็นหนังสือแนว How to ที่มีการเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจโดยใช้เด็กเป็นตัวเดินเรื่อง   ทำให้เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ไม่หนักสมองจนเกินไป และทำให้คนอ่านสามารถคิดตามไปด้วยได้ง่ายขึ้น  


(หนังสือหนา135 หน้า ราคาปก 150 บาท  พิมพ์ครั้งที่ 8 เดือนมีนาคม 2553 )






วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 30 : ข้อคิดเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย

หนังสือเล่มที่ 30 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ ชื่อ "ข้อคิดเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย" โดย " ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช" เป็นการรวบรวมข้อเขียนของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ที่เขียนไว้เนื่องในวาระต่างๆ มารวมเป็นเล่ม เนื้อหามีความน่าสนใจ อ่านแล้วได้คิดและเข้าใจแต่ละช่วงของชีวิตคนเราได้ดีขึ้น ภาษาที่ใช้สละสลวยและอ่านง่าย  หนังสือมีข้อคิดและธรรมมะ เกี่ยวกับธรรมชาติของชีวิตมนุษย์แฝงไว้ตลอดทั้งเล่ม 


(หนังสือหนา 95 หน้า พิมพ์ครั้งที่ 3 โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า 2000 เมื่อเดือนกันยายน 2548 ราคา ปก 100 บาท)


วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 29 : เรื่องเล่าร้านกาแฟ

หนังสือเล่มที่ 29 ที่ผมอ่านจบในปีนี้... ชื่อ "เรื่องเล่าร้านกาแฟ" เขียโดย "สุพัตรา" เป็นหนังสือที่บอกเล่าประสบการณ์ตรงของนักเขียนคนหนึ่ง ที่ร่วมกับเพื่อนสร้างร้านกาแฟเล็กๆ ขึ้นมาแห่งหนึ่ง เธอได้บอกเล่าประสบการณ์ตรงตั้งแต่การเริ่ม Set up สิ่งต่างๆ ในร้าน และปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่พบเจอทั้งก่อนดำเนินการและหลังเปิดร้านแล้ว ถือเป็นหนังสือที่ให้มุมมองสำหรับคนที่อยากเปิดร้านกาแฟได้ดี สไตล์การเขียนเป็นแบบเล่าเรื่องสบายๆ ไม่ได้เน้นเป็นวิชาการอะไรมาก อ่านสนุกได้ความรู้ดีครับ

 (หนังสือหนา 208 หน้า ราคา  180 บาท สำนักพิมพ์วงกลม)


วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

หนังสือ เล่มที่ 28 : ร่มไม้และเรือนใจ



หนังสือเล่มที่ 28 ที่ผมอ่านจบในปีนี้   ชื่อ  “ร่มไม้และเรือนใจ” เขียนโดย “พระไพศาล  วิสาโล”   ซึ่งเป็นพระนักคิดนักเขียนที่มีผลงานเขียนมากมาย  ท่านมีรูปแบบการเขียนที่อ่านง่ายแต่ลุ่มลึก  และสามารถใช้คำง่ายๆ รวมทั้งสิ่งรอบตัวตามธรรมชาติ ในการอธิบายธรรมะ ได้เป็นอย่างดี หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมงานเขียนของท่าน ที่กระจัดกระจายในที่ต่างๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา    โดยเนื้อหาค่อนข้างหลากหลายแต่แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันระหว่าง ธรรมะกับธรรมชาติ ในแง่มุมต่างๆ    ถือเป็นหนังสือดีมากๆ อีกเล่ม ที่อยากแนะนำให้อ่านกันครับ ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไรอยู่ก็ตาม


(หนังสือหนา 109 หน้า  ราคาปก 65 บาท พิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อ สิงหาคม 2544  จัดพิมพ์โดย กองทุนวุฒิธรรม เพื่อการศึกษาและปฏิบัติธรรม


วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 27 : รู้แล้ว รวยโคตร


หนังสือเล่มที่ 27 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ " รู้แล้ว รวยโคตร " เขียนโดย  วิน เอี่ยมอ่อง  ซึ่งเป็น “นักมายาจิต” ซึ่งเป็นศาสตร์ ที่ผสมผสานหลักทางวิทยาศาสตร์ และ  จิตวิทยา  ในหนังสือเล่มนี้เขาได้บอกถึงเคล็ดลับที่จะสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย แต่ไม่ใช่ในทางทรัพย์สินแต่เพียงอย่างเดียว เขามีมุมมองที่น่าสนใจในเรื่องความร่ำรวยที่มาพร้อมกับความสุข รวมทั้งแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ ด้วยจิตใต้สำนึกของเรา เป็นหนังสือที่น่าอ่าน ถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงของเขา พร้อมมีแบบให้ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง  ถือเป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกเล่ม โดยเฉพาะคนที่ต้องการพัฒนาตัวเอง หรือ อยากประสบความสำเร็จแบบมีความสุข 

(หนังสือ หนา 168 หน้า ราคาปก  169 บาท ลดพิเศษเหลือ 89 บาท  พิมพ์ครั้งที่ 9 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553)  



วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 26 : วุฒิภาวะ ของความเป็นครู


หนังสือ เล่มที่ 26 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ ชื่อว่า “วุฒิภาวะ ของความเป็นครู”  เขียน โดย อาจารย์ วิเชียร  ไชยบัง  อาจารย์ใหญ่ โรงเรียน ลำปลายมาศพัฒนา  จังหวัดบุรีรัมย์   โดยในเล่มนี้  ผู้เขียนได้เล่าถึง นวัตกรรม ในการจัดการเรียนการสอน และด้านการศึกษาของไทย ที่ท่านได้นำมาใช้จริงใน โรงเรียนของท่าน และประสบความสำเร็จ อย่างงดงาม  เป็นต้นแบบให้โรงเรียนอื่นๆ ได้เข้ามาศึกษาดูงาน   วิธีการของท่านเน้นด้านการพัฒนาการของจิตใจเด็กๆ การเติบโตควบคู่กันทั้งความรู้ทางโลก ทางวิชาการและการรู้จักตนเอง   ผมอ่านแล้วยอมรับว่าวางไม่ลง รู้สึกชื่นชมและทึ่งกับวิธีการต่างๆ ที่ท่านได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ และในฐานะคนเป็นครู อ่านแล้วได้เข้าใจเด็กๆ และได้เข้าใจอะไรต่างๆ ดีขึ้นมาก สำหรับคนเป็นครูและคนที่สนใจเรื่องการศึกษา ผมขอแนะนำให้อ่านเลยครับ เป็นหนังสือที่อ่านง่าย และอ่านสนุก หยิบอ่านแล้ววางไม่ลงเลยจริงๆ   (หนังสือหนา  196  หน้า  ราคาปก  180 บาท  สำนักพิมพ์ เรียนนอกกะลา  Publishing  พิมพ์ครั้งที่ 5)     



วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 25 : โรงเรียนทำเอง Home-made School

หนังสือเล่มที่ 25  ที่ผมอ่านจบในปีนี้  ชื่อ โรงเรียนทำเอง  Home-made School”   เขียนโดย  อาจารย์ วิศิษฐ์  วังวิญญู”    ความหนา 200 หน้า ราคาปก  200  บาท เป็นหนังสือที่อาจารย์ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการเลี้ยงดูลูกชายในรูปแบบที่เป็น การจัดการเรียนการศึกษาด้วยตนเอง แบบไม่พึ่งพิงระบบโรงเรียนแบบที่เป็นๆ กันอยู่   ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือ มุมมองที่มาจากประสบการณ์โดยตรงของอาจารย์เอง ในด้านการศึกษาแบบโฮม (เมด) สคูล และกระบวนการเรียนรู้ (แบบธรรมชาติ) ของมนุษย์    อาจารย์ยังได้เล่าถึงหนังสือและแนวคิดของต่างประเทศเกี่ยวกับการศึกษาแบบทางเลือก ซึ่งอ่านแล้วน่าสนใจมาก  ภาษาที่ใช้เล่ารวมทั้งข้อเขียนที่กลั่นออกมาจากประสบการณ์จริง ทำให้หนังสือเล่มนี้มีเสน่ห์ อ่านง่าย รวมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวบางแง่บางมุมของการจัดการศึกษาในบ้านเรา ที่ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขด้วย 



วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

หนังสือ 24 : ผู้หญิง Borderlines ผู้ชาย Pleaser

หนังสือเล่มที่ 24   ที่ผมอ่านจบในปีนี้  ชื่อ “ผู้หญิง Borderlines  ผู้ชาย Pleaser”  เขียนโดย  ณฐภัทร  ลดาพงษ์ประเสริฐ”   ความหนา 275 หน้า ราคาปก 198  บาท เป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ลักษณะอาการทางจิตแบบหนึ่งของผู้หญิง และผู้ชาย ในยุคปัจจุบัน  รวมทั้งเล่าถึงการแสดงออกและวิธีที่รับมือกับผู้หญิงที่มีอาการ Borderlines และ ผู้ชายที่เป็น Pleaser ด้วย  ความน่าสนใจของหนังสืออยู่ที่ กรณีตัวอย่าง (Case Study) ที่ผู้เขียนหยิบยกมาให้อ่าน ทำให้เราเข้าใจลักษณะของผู้ชาย Pleaser  และผู้หญิงที่เป็น Borderlines ได้ดียิ่งขึ้น  ภาษาที่ใช้อ่านง่าย อ่านสนุก ได้ความรู้ดี น่าสนใจมากครับ





วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 23 : กาแฟดริป



หนังสือเล่มที่ 23 ที่ผมอ่านจบในปีนี้  เขียนโดย  เกด-ริน  และถ่ายภาพโดย A-Club” ความหนา 208 หน้า ราคาปก 250  บาท เป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟ สายพันธุ์ต่างๆ   รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของกาแฟ ที่โด่งดังแต่ละชนิด   วัฒนธรรมกาแฟ รวมถึงการดื่มกาแฟดริป และเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ   เป็นหนังสือที่น่าสนใจเขียนโดยเจ้าของร้าน  “gallery กาแฟดริป”  ที่โด่งดัง   เนื้อเรื่องเขียนได้น่าสนใจ อ่านสนุก ภาพประกอบสี่สีสวยงาม  เป็นหนังสืออีกเล่มที่อ่านแล้วเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับการปลูกกาแฟ ธุรกิจเมล็ดกาแฟ และวัฒนธรรมต่างๆ เกี่ยวกับกาแฟ และเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับร้านกาแฟ   เป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจมากๆ   สำหรับผู้ที่รักและสนใจเกี่ยวกับการดื่มกาแฟครับ



วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 22 : โรดแมปสู่ดวงดาว เคล็ดลับนักบริหารรุ่นใหม่



หนังสือเล่มที่ 22 ที่ผมอ่านจบในปีนี้  เขียนโดย  “ดร.สมฤดี ศรีจรรยา”  ความหนา 143 หน้า ราคา 150 บาท เป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานของ ดร.สมฤดี ที่คลุกคลีอยู่กับแวดวงการตลาด และผ่านประสบการณ์ในสนามการตลาดจริงมาอย่างโชกโชน   ปัจจุบันท่าน เป็น ผู้อำนวยการสถาบันการตลาดเพื่อพัฒนาสังคมแห่งประเทศไทย (SMAT)  หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมหลักคิด และหลักการบริหารทั้งทางด้านการตลาดและบุคลากร ที่เป็นประสบการณ์ตรงของ ดร.สมฤดี ตั้งแต่สมัยที่ท่านเริ่มทำงาน         เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้ คือ อ่านง่าย เข้าใจง่าย ย่อยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอย่าง  (Case Study) และนิทานที่นำมาประกอบทำให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ดี ถือเป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ความรู้ และความเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง ที่น่าเสียดายหนังสือ บางไปหน่อย อ่านจบรวดเดียวแบบไม่รู้ตัวเลย


วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หนังสือ เล่มที่ 21: เซ็กส์กับความรักของคนขี้อาย

หนังสือเล่มที่ 21 ที่ผมได้อ่านจบในปีนี้ :  "เซ็กส์ กับ ความรัก ของคนขี้อาย"   เป็นหนังสือที่นำเสนอเรื่องจริงเกี่ยวกับความรักและเซ็กส์ ของ โจน จันใด ผู้ซึ่งโด่งดังเรื่องการสร้างบ้านดิน และวิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง หนังสือเล่มนี้ผมยอมรับว่า คุณโจน จันใด ใจกว้างมากที่กล้าเล่าเรื่องราวชีวิตรักและมุมมองด้านเซ็กส์ของเขาออกมาแบบแทบจะหมดเปลือก เพื่อให้เป็นบทเรียนกับคนอ่าน และบทสรุปของหนังสือเล่มนี้ยิ่งน่าสนใจเพราะทำให้เราเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างระหว่าง "ความรัก กับ เซ็กส์"  เป็นหนังสืออีกเล่มที่แนะนำได้เต็มปากว่า น่าอ่านมากครับ  (หนังสือหนา 267 หน้า ราคาปก 190 บาท )


วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 20 : คิทเช่น

หนังสือ เล่มที่ 20 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ :  "คิทเช่น" เขียนโดยนักเขียนญี่ปุ่นามว่า  "บานานา โยซิโมโต" แปลโดย "เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย"  เป็นนิยายโรแมนติคเรื่องราวของเด็กสาวผู้หนึ่งซึ่งมีความผูกพันกับห้องครัว และคุณยาย ท้ายสุดเรื่องลงเอยด้วยความรักและความผูกพันของหญิงสาวผู้นี้ กับ ครอบครัวของชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง  เป็นหนังสือ Best Seller ที่พิมพ์ซ้ำถึง 6 ครั้งแล้ว อ่านหวานๆ เพลินๆ ตามสไตล์การเขียนแบบญี่ปุ่น ไม่หวือหวา แต่น่ารักและ บรรยายรายละเอียดด้านความรู้สึกได้ดี  ผู้แปลก็แปลได้ดีมากๆ ด้วย เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเพลินดี ครับ (หนังสือหนา 162 หน้า ราคา 120 บาท)


วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 19: ความฝันโง่ๆ - วินทร์ เลียววาริณ

หนังสือเล่มที่ 19 ที่ผมอ่านจบในปีนี้: "ความฝันโง่ๆ" เขียนโดย "วินทร์ เลียววาริณ" หนา 239 หน้า ราคา 185 บาท เป็นหนังสือที่หยิบยกเอาชีวิตของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน หรือคนพิการ ที่มีความฝันและลุกขึ้นสู่เพื่อทำความใันของตนให้เป็นจริง...ด้วยลีลาการเขียนที่งดงาม ของ วินทร์ ทำให้หนังสือเล่มนี้ อ่านง่าย อ่านสนุก ..ผมอ่านรวดเดียวจบเล่มเลย..ได้แรงบันดาลใจดีมากๆ ครับ

หมายเหตุ: อ่านจบเมื่อ 19-07-2558


วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 18 : เฉินซู่จวี๋ แม่ค้าผัก ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่

หนังสือเล่มที่ 18 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ :   "เฉิน ซู่จวี๋ แม่ค้าผัก ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่" เป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแม่ค้าขายผักอยู่ในตลาดสดที่ไต้หวัน ตลอดชีวิตของเธอได้บริจาคเงินให้กับโรงเรียน โรงพยาบาลและองค์กรการกุศลหลายแห่ง เป็นจำนวนหลายล้านเหรียญไต้หวัน ทำให้เธอได้รับการยกย่องจากทั้งนิตยสาร Times และ Forbe ว่าเป็นเศรษฐีใจบุญและคนที่มีอิทธิพลต่อโลก  เธอเป็นผู้หญิง ธรรมดาๆ แต่โด่งดังและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมายในการเสียสละทรัพย์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น  หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมาก อ่านจบแล้วได้แรงบันดาลใจมากมาย มีโอกาสลองหาอ่านดูนะครับ :)
หมายเหตุ:  อ่านจบเมื่อ 18-07-2558



วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 17 : อ่านจบเมื่อ 13-07-2558

หนังสือเล่มที่ 17 ที่ผมอ่านจบในปีนี้ :


หนังสือ "กลับหัวคิด มีชีวิตวิถีเซ็น" โดย "บาหยัน" เป็นหนังสือที่รวบรวมนิทานเซ็น และแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ เป็นตอนๆ... ชื่อหนังสือ กับเนื้อหาไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าไร ภาษาที่ใช้เขียนในหนังสือเล่มนี้ ก็เป็นแนว cut and paste ตามสไตล์ของสำนักพิมพ์ ไพลิน แม้ว่าสไตล์การเขียนจะเป็นแบบที่ว่านั้น แต่เนื้อหาถือว่าให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดำรงชีวิตได้ดีทีเดียว เป็นหนังสือที่ผมซื้อมาจาก 7-11 ในราคาลดพิเศษ เหลือ 50.- บาท (ตามกลยุทธ์ราคาของสำนักพิมพ์ไพลิน อีกเช่นกัน) แต่หากเทียบกับราคาแล้วหนังสือเล่มนี้ถือว่าคุ้มค่าครับ




วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 16 :อ่านจบ 16-06-58

ครูเพื่อศิษย์ สร้างห้องเรียนกลับทาง
ศ.นพ. .วิจารณ์  พานิช มูลนิธิสยามกัมมาจล พิมพ์ครั้งที่ 2 มิน.56 หนา 119 หน้า

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 15 : อ่านจบเมื่อ 11-06-2558

หนังสือเล่มที่ 15 ของปีนี้ที่ผมอ่านจบ ... ชื่อว่า "เคล็ดลับ UP ค่าตัว"  เป็นหนังสือที่ไม่ค่อยจะตรงกับชื่อหนังสือเท่าไร เพราะจริงๆ แล้ว เป็นหนังสือเรื่องเกี่ยวกับ การปรับทัศนคติและความเชื่อ เสริมพลังใจให้ตัวเองมากกว่า  ผู้เขียนแทนตัวเอง ว่าครูขวัญ ทำให้หนังสือ อ่านได้ง่ายและน่าสนใจและดูเป็นกันเองดี ถือว่าเป็นหนังสือที่ดี อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมาย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับพลังแห่งความคิดและวิธีคิดเพื่อเสริมพลังบวกในชีวิตของเรา   (หนังสือราคา 160 บาท)


วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 14: วิสาหกิจชุมชน อ่านจบเมื่อ 9-06-2558

หนังสือวิสาหกิจชุมชน เป็นหนังสือที่นำเสนอแนวคิดและตัวอย่างจริงของชุมชนต่างๆ ที่สามารถพึ่งพาตัวเองและสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน  เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้คืออ่านง่ายและมีตัวอย่างจริง ที่ทำให้เกิดความเข้าใจในวิสาหกิจชุมชนได้ดียิ่งขึ้น หนังสือเล่มนี้ไม่มีจำหน่าย ผมยืมจากห้องสมุดมา (หนังสือหนา 126 หน้า พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 25444 จำนวนพิมพ์ 1500 เล่ม โดยสำนักพิมพ์ภูมิปัญญาไท)




วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 13 : สร้างลูกค้าแบบแบรนด์ดัง อ่านจบเมื่อ 7-06-2558


หนังสืออาจจะออกมานานพอสมควรแล้ว แต่เนื้อหายังทันสมัยและประยุกต์ใช้ได้ดี  เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนที่กำลังคิดจะสร้าง Brading   โยเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ รวบรวมแนวคิดจากตำราด้าน Branding ดังๆ ของต่างประเทศไว้แบบย่อๆ ในแต่ละบท เมื่ออ่านแล้วได้แนวคิด และ หลักการในการสร้างแบรนด์ เป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจมากๆ 
(หนังสือหนา 168 หน้า ราคา 160 บาท พิมพ์ครั้งแรก  ตุลาคม 2547) 





หนังสือเล่มทีี 13 

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หนังสือที่ 12 : คู่มือการทำวิสาหกิจ ชุมชน

หนังสือของ อ. เสรี พงศ์พิศ กูรู ด้าน วิสาหกิจชุมชน หนังสือเขียนได้ดี อ่านเข้าใจง่าย เขียนโดยผู้รู้จริง อ่านแล้วให้มุมมองด้านวิสาหกิจที่ชัดเจนขึ้นมาก  หนังสือหนา 72 หน้า ราคา 60 บาท


วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 11 อ่านจบเมื่อ 30-04-2558

เป็นหนังสือ เล่มที่ 11 ของปีนี้ ที่ผมอ่านจบ คือ หยิบติดมือมาอ่านที่ร้านกาแฟ ระหว่างทำงาน กะว่าจะใช้เวลาสัก 2-3 วัน ปรากฏว่า อ่านรวดเดียวจบ 143 หน้า หนังสือชื่อ "พระเจ้าในห้องสมุด" เขียนโดย "เซโอะ ไมโกะ" แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว ราคาปก 135 บาท... เป็นหนังสือที่เขียนอ่านง่าย น่ารัก และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการอ่านหนังสือ เป็นหนังสือที่ผมชอบแบบไม่รู้ตัว (ตอนแรกกะหยิบมาอ่านฆ่าเวลา ปรากฏว่า งานไม่เสร็จจ้า แต่อ่านหนังสือจบ 555)


วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 10 อ่านจบเมื่อ 29/04/58

หนังสือชื่อ "รวมเรื่องสั้นของ เรียมเอง"  เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น แนวหักมุม ของ "มาลัย ชูพินิจ" ที่เขียนไว้ขณะใน "ประชาชาติรายสัปดาห์" ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ โดยใช้นามปากกาว่า "เรียมเอง"  ทุกเรื่องนั้นล้วนสนุกสนาน และหลายเรื่องจบแบบหักมุมเกินคาดคิด  ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความรัก ไม่ว่าจะในแง่มุม สามี ภรรยา ชู้รัก หรือ มิตรภาพระหว่างเพื่อน เป็นหนังสือที่อ่านสนุก ใช้ภาษาได้งดงาม และให้ข้อคิดแฝงไว้เยอะมาก แม้จะเป็นงานเขียนตั้งแต่ช่วงปี  พ.ศ. 2480 หรือ 78 ปี มาแล้ว แต่ยังอ่านสนุกและไม่ล้าสมัยเลย  เล่มนี้เป็นเล่มที่ 1 มีเรื่องสั้นรวมอยู่ทั้งหมด 50 เรื่อง ปกนี้พิมพ์เป็นครั้งที่ 4 เมื่อปี 2537 ราคาจำหน่าย 110 บาท (ผมโชคดีมากได้ เล่มนี้มาจากร้านหนังสือ สุรวงศ์บุ๊ค เชียงใหม่ เหลือเพียงแค่ 2 เล่มเท่านั้น)



วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 9 อ่านจบเมื่อ 28-4-58

หนังสือ "กระต่ายตายแล้ว !"  เป็นหนังสือที่รวมข้อเขียนของ  วชิรา บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร A Day  หนังสือมีภาษาที่งดงาม แฝงข้อคิดและความน่าสนใจ รวมทั้งบทสัมภาษณ์ ผู้คนที่มีแนวคิดในการใช้ชีวิตที่น่าทึ่ง หนังสือหนา 236 หน้า ราคาปก 160 บาท 


วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 8 อ่านจบเมื่อ 14-04-58

หนังสือชื่อ "จดหมายจากนักเขียนหนุ่ม" เป็นการนำจดหมายที่  นักเขียน รางวัลซีไรท์ อย่าง กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เขียนถึงเพื่อนๆ นักเขียนของเขา ในระหว่างที่เขายังมีชีวิตอยู่ (กนกพงศ์ เสียชีวิตเมื่อปี 2549 ขณะมีอายุได้เพียง 40 ปี)

เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้ คือภาษาที่ใช้เขียน นั้นน่าอ่าน และเนื้อหายังสะท้อนถึงชีวิตและสิ่งแวดล้อมรอบตัวของ กนกพงศ์ ที่ในหมู่บ้านของเขาในหุบเขา ซึ่งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และเขาก็เล่าได้น่าสนใจมาก ยังไม่นับเกร็ดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่งอการเขียนหนังสือ ที่เขาถ่ายทอดให้เพื่อนักเขียนเขาผ่านทางจดหมาย  นับว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจมาก และมีความหนาถึง 382 หน้า เลยทีเดียว

ข้อเสียเดียวของหนังสือในเวอร์ชั่นนี้ คือ การไสกาวเข้าเล่มไม่ดีเท่าที่ควร ผมอ่านเล่มนี้ จบ ปรากฏว่าหนังสือหลุดแยกออกเป็นส่วนๆ ถึง 8 ส่วนเลยทีเดียว หนังสือดีน่าเสียดาย ต้องไปหาทางเข้าเล่มให้คงอยู่รวมกันต่อไป

หมายเหตุ:  สำนักพิมพ์บ้านหนังสือ   ราคา ปก 260 บาท







วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 7 อ่านจบเมื่อ 27-3-58

The Writer's Secret เป็นหนังสือที่นำบทสัมภาษณ์ เกี่ยวกับ งาน มุมมอง ความคิด และ การใช้ชีวิต ของนักเขียน 10 คน ซึ่งอ่านแล้วได้แง่คิด และแรงบันดาลใจในชีวิตดีมาก โดยเฉพาะสะท้อนภาพชีวิต ความเป็นอยู่แลัตัวตนของนักเขียนแต่ละคนออกมาได่ชัดเจนดี

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 6 อ่านจบเมื่อ 18-02-2558



หนังสือ "ปรัชญาจากภาพ" ของ อ.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์  เป็นหนังสือให้แนวคิดเรื่องการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาของเต๋า และ เซ็น โดย อ.ฉัตรสุมาลย์ ได้วาดภาพประกอบในหนังสือด้วยตัวเอง เป็นภาพที่วาดโดยใช้พู่กัน  เป็นหนังสือที่อ่านง่าย งดงาม และได้ข้อคิดดีๆ เยอะมาก

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

หนังสือเล่มที่ 5 อ่านจบเมื่อ 15-02-58



หนังสือเล่มที่ 5 ที่อ่านจบในปี 2558  เป็นหนังสือรวบรวมเรื่องราวชีวประวัติของผู้คนหลากหลาย ที่มีแนวคิดแปลกๆ แต่สามารถทำให้ชีวิตเขาประสบความสำเร็จในการงานที่เขาทำ แม้ว่าบางคนชีวิตอาจจะลงท้ายไม่สวยนัก แต่หนังสือนี้ให้ข้อคิดดีๆ มากมาย มีตั้งแต่ประวัติของ ลีโอนาโด ดาวินซี ไปจนถึง เลดี้ กาก้า และ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก  น่าสนใจดี (เล่มนี้ซื้อ ลดราคามาจากงานสัปดาห์หนังสือ มช.)

หนังสือเล่มที่ 3 (ปี 2562) กว่าจะฝ่าข้ามความตาย

หนังสือ กว่าจะฝ่าข้ามความตาย ของ หมอวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ   เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวในคุกบางขวาง ซึ่งเป็นคุกสำหรับนักโทษประหาร  ...